Love to Read

LOVE TO READ อ่านมากรู้มาก อ่านน้อยรู้น้อย ไม่อ่านไม่รู้



วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เกณฑ์การอ่านการเขียนภาษาไทย ระดับประถมศึกษา ปี 2556




ความสามารถและทักษะด้านการอ่าน-การเขียนภาษาไทย  ระดับประถมศึกษา
ตามจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน  ปี ๒๕๕๖

นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓


อ่านออก  หมายถึง  ความสามารถรับรู้ และเข้าใจความหมายของคำ ประโยค ข้อความสั้น ๆ
                  เรื่องราวในสื่อต่าง ๆ หรือในหนังสือได้ตามระดับชั้นของผู้เรียน

ความสามารถในการอ่าน  คือ อ่านหนังสือเรียนประจำชั้นที่เรียนไปแล้วหรือหนังสืออื่นที่มีความยากง่ายเท่าๆ กัน อ่านผิดไม่เกินหนึ่งในสี่ของคำ โดยไม่นับคำซ้ำ ความเร็วปกติ ไม่ช้าเกินไปเกินไป ถ้าอ่านติดให้เวลาสะกดคำ ๖-๗ วินาที(ป.๑ ประมาณ ๔-๕ วินาที) 
       
ชั้น ป.๑   ข้อความมีความยาว ๔๐ – ๕๐ คำ
ชั้น ป.๒   ข้อความมีความยาว ๖๐ – ๗๐ คำ
ชั้น ป.๓   ข้อความมีความยาวไม่เกิน ๑๐๐ คำ

เขียนได้    หมายถึง ความสามารถเขียนคำ ประโยค ข้อความสั้น ๆ เรื่องราวได้ถูกต้อง
                   เหมาะสมตามระดับชั้นของผู้เรียน

นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖

อ่านคล่อง  หมายถึง ความสามารถอ่านออกเสียงชัดเจนถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์การอ่าน ในระยะเวลาที่เหมาะสมกับระดับชั้นของผู้เรียน และสามารถจับใจความของเรื่องที่อ่านได้
ความสามารถในการอ่าน  แยกดังนี้
(๑)   ชั้น ป. ๔-๕ เรื่องหรือข้อความมีความยาว  ๑๖๐-๒๐๐ คำ อ่านหนังสือเรียนประจำชั้นที่เรียนไปแล้ว หรือหนังสืออื่นที่มีความยากง่ายเท่าๆ กัน
(๒)  ชั้น ป.๖ เรื่องหรือข้อความมีความยาว ๒๐๐ คำขึ้นไป เรื่องและบทความควรเป็นข่าวหนังสือพิมพ์  บทความทั่วไป  สุนทรพจน์ หรือพระบรมราโชวาท 
การอ่านจะอ่านผิดไม่เกินหนึ่งในสี่ของคำ โดยไม่นับคำซ้ำ ท่าทางมั่นใจ ความเร็วปกติ ไม่ช้าเกินไป
         
เขียนคล่อง      หมายถึง ความสามารถเขียนคำ ประโยค ข้อความ เรื่องราวถูกต้องตามหลักเกณฑ์
                   ทางภาษาได้รวดเร็ว ในระยะเวลาที่เหมาะสมตามระดับชั้นของผู้เรียน


เกณฑ์คุณภาพ
การประเมินความสามารถการอ่าน-การเขียนภาษาไทย

การอ่านออกเขียนได้  ชั้น ป.๒
การอ่านออก     คือ     อ่านคำ  อ่านประโยค  อ่านข้อความ  ต้องผ่านเกณฑ์  ร้อยละ   ๖๐  ขึ้นไป
ระดับคุณภาพ   แยก ๔ ระดับ คือ
คะแนน    ๘๐  -  ๑๐๐    ระดับดีมาก
คะแนน    ๗๐  -  ๗๙      ระดับดี
คะแนน    ๖๐  -  ๖๙      ระดับพอใช้           
คะแนน     ๑   -  ๕๙      ปรับปรุง   (ต่ำกว่าเกณฑ์)

การเขียนได้     คือ   เขียนคำ  เขียนประโยค  เขียนข้อความ    ต้องผ่านเกณฑ์  ร้อยละ   ๕๐  ขึ้นไป
ระดับคุณภาพ  แยก ๔ ระดับ คือ
คะแนน    ๘๐  -  ๑๐๐     ระดับดีมาก
คะแนน    ๖๕  -  ๗๙       ระดับดี
คะแนน    ๕๐  -  ๖๔       ระดับพอใช้
คะแนน     ๑   -  ๔๙       ปรับปรุง   (ต่ำกว่าเกณฑ์)

สรุป  :   การอ่านออกเขียนได้ นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์  ทั้งอ่านออก ร้อยละ ๖๐ และเขียนได้ ร้อยละ ๕๐
จึงจะถือว่า   :   อ่านออกเขียนได้

การอ่านคล่องเขียนคล่อง   ชั้น ป.๔

การอ่านคล่อง   คือ   อ่านคำ  อ่านประโยค  อ่านข้อความ  ต้องผ่านเกณฑ์  ร้อยละ   ๖๐  ขึ้นไป
ระดับคุณภาพ  แยก ๔ ระดับ คือ
คะแนน    ๘๐  -  ๑๐๐    ระดับดีมาก
คะแนน    ๗๐  -  ๗๙      ระดับดี
คะแนน    ๖๐  -  ๖๙      ระดับพอใช้           
คะแนน     ๑   -  ๕๙      ปรับปรุง   (ต่ำกว่าเกณฑ์)
การเขียนคล่อง :  เขียนคำ  เขียนประโยค เขียนข้อความ    ต้องผ่านเกณฑ์  ร้อยละ   ๕๐  ขึ้นไป
ระดับคุณภาพ  แยก ๔ ระดับ คือ
คะแนน    ๘๐  -  ๑๐๐     ระดับดีมาก
คะแนน    ๖๕  -  ๗๙       ระดับดี
คะแนน    ๕๐  -  ๖๔       ระดับพอใช้
คะแนน     ๑   -  ๔๙       ปรับปรุง   (ต่ำกว่าเกณฑ์)                      
สรุป  :   การอ่านคล่องเขียนคล่อง นักเรียนต้องผ่านเกณฑ์  ทั้งอ่านคล่อง ร้อยละ ๖๐ เขียนคล่องร้อยละ ๕๐
จึงจะถือว่า   :    อ่านคล่องเขียนคล่อง 

แหล่งข้อมูล : สถาบันภาษาไทย  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

อ่านวิเคราะห์ คิดวิเคราะห์และเขียน




รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความสามารถของเด็ก
ในการอ่าน คิดวิเคราะห์ เขียน และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ


การอ่าน 
มีองค์ประกอบ 2 อย่าง คือการสะกดคำ, การเข้าใจความหมายของคำ การอ่านเป็นกระบวนการ 2 ทาง สิ่งที่ผู้อ่านนำมาสู่หนังสือ ได้แก่ ทักษะการคิด และความรู้เดิม สิ่งที่ผู้อ่านได้รับจากหนังสือ ได้แก่ ความหมาย และความเข้าใจ

ประโยชน์จากการอ่าน
1.ผู้อ่านค้นพบแนวคิดที่ดีนำไปประยุกต์เป็นความคิดของผู้อ่านได้
2.ผู้อ่านได้สาระความรู้มากกว่าการหาความรู้ในวิธีอื่นๆ เพราะสามารถอ่านโดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่
3.การอ่านช่วยพัฒนาให้เกิดกระบวนการคิด และจินตนาการส่งเสริมให้สมองดี มีสมาธิ

การคิดวิเคราะห์
1.การคิดวิเคราะห์เป็นกระบวนการเรียนรู้ในการจำแนก แยกแยะสิ่งต่างๆ มีองค์ประกอบอย่างไรเชื่อมโยง และสัมพันธ์กันอย่างไร
2.การคิดวิเคราะห์จะนำสู่การค้นหาความเป็นจริง จากสิ่งที่พบ ประกอบด้วยอะไร เหมือนหรือ แตกต่างจากสิ่งอื่นอย่างไร

การเขียน
เป็นกระบวนการถ่ายทอดในรูปแบบการบันทึกด้วยตัวอักษร หรือสัญลักษณ์เพื่อถ่ายทอดเผยแพร่ความรู้ ความคิด ความรู้สึก และบอกถึงความต้องการของผู้เขียนให้ผู้อ่านเกิดความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความต้องการ

จุดมุ่งหมายการเขียน
1.การแสดงความคิดเห็น
2.การอธิบาย
3.การเล่าเรื่องราว
4.การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อจูงใจ และโน้มน้าวให้ผู้อ่านคล้อยตาม
5.การสร้างจินตนาการ

การจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียน มีบทบาท ทั้งด้านร่างกาย ความคิด ความรู้สึก ผู้เรียนได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติ โดยผู้สอนออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม และคำนึงถึง ความสามารถของเด็กแต่ละคน 

การเรียนรู้แบบบูรณาการ
1.เป็นรูปแบบสำคัญในการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียน และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 
2.เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงวิชาต่างๆ จนกลายเป็นเรื่องเดียวกัน สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจในลักษณะที่เป็นองค์รวม

รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
1. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ผ่านการลงพื้นที่สนามหรือการออกไปทัศนศึกษา
3. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่น
4. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ผ่านเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน และสัมพันธ์กับตนเอง
5. การพัฒนาการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัย
6.การพัฒนาการเรียนรู้โดยครอบครัว
7. การพัฒนาการเรียนรู้โดยผ่านการจดบันทึก

1. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

-การรู้จักสังเกต
-การรู้จักบันทึก
-การรู้จักฟัง
-การรู้จักถาม
-การรู้จักตั้งสมมุติฐาน
-การรู้จักหาคำตอบ
-การรู้จักวิธีวิจัย
-การรู้จักนำมาบูรณาการให้เป็นหนึ่งเดียว
-การรู้จักเขียนเรียบเรียงความคิด
-การรู้วิธีการนำเสนอ

2. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านการลงพื้นที่สนาม หรือการไปทัศนศึกษา
-การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะโรงเรียน
-เป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์ของเด็กกับโลกกว้างในชุมชน
- เด็กเกิดความสุขสนุกสนาน

3. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่น
- เด็กเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชนจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
-ได้ศึกษาหาความรู้จากผู้อาวุโสในท้องถิ่น 

4. การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ผ่านเหตุการณ์ ในชีวิตประจำวัน และสัมพันธ์กับตนเอง 
-จัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของเด็ก

5. การพัฒนาการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการวิจัย 
-การวิจัยในที่นี้ หมายถึง การวิจัยในรูปแบบใหม่ สัมพันธ์กับการจัดการเรียนการสอนโดยครูผู้สอนสามารถดำเนินการวิจัยร่วมไปกับการจัดการเรียนการสอนตามปกติ และถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียน การสอน
-การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้
-การวิจัยในชั้นเรียน แสวงหาวิธีการแก้ปัญหา และตรวจสอบผลที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร
-ใช้วิธีการศึกษานักเรียนเป็นกรณีเฉพาะหรือวิจัยกลุ่ม

6. การพัฒนาการเรียนรู้ โดยครอบครัว 

-ครอบครัวเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ เพราะเด็กจะใช้เวลาส่วนใหญ่ อยู่กับครอบครัว
-ถ้าครอบครัวมีความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนาการเรียนรู้ ของเด็ก ย่อมส่งผลดีต่อตัวเด็กต่อไป
-จัดให้มีความรู้แก่บุคลากรที่มีหน้าที่ดูแลเด็กที่บ้าน เช่น พี่เลี้ยงเด็ก ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อพัฒนาเด็กไปในทางเดียวกัน

7. การพัฒนาการเรียนรู้ โดยผ่านการสังเกต และจดบันทึก
-นักการศึกษา กู๊ดแมน (Goodman,1986) กล่าวว่า หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของครูคือ การเฝ้าสังเกตเด็ก ฟังเด็กขณะที่พูดคุย อภิปราย รวมถึงในการเล่น โดยมีการจดบันทึกคำพูดของเด็ก เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก

การสังเกต คือ
-การให้ความสนใจในสิ่งที่เด็กทำ หรือปฏิบัติ
- การให้ความสนใจในคำพูดของเด็ก

การบันทึก
-การเขียนบันทึกความคิด
- การเขียนบันทึกการกระทำ
-การเขียนบันทึกความเชื่อ
-การเขียนบันทึกทัศนคติ

โดย สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 
จาก learners.in.th