Love to Read

LOVE TO READ อ่านมากรู้มาก อ่านน้อยรู้น้อย ไม่อ่านไม่รู้



วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แชมป์ งานศิลปหัตถกรรม ครั้งที่ ๖๒ ภาคเหนือ




เกียรติบัตร Obec Awards Download ได้ตาม Link ข้างล่าง

Print เกียรติบัตรกรรมการกลาง กรรมการจัดการแข่งชัน มัธยม-ประถม => [ Click ]
Print เกียรติบัตรกรรมการตัดสิน มัธยมฯ => [ Click ]
 Print เกียรติบัตรกรรมการตัดสิน ประถมฯ => [
Click ]
Print เกียรติบัตรนักเรียน และ ครู

ให้เข้าระบบโรงเรียนเช่นเดียวกับการลงทะเบียนแข่งขัน
http://www.km-cm1.net/index.php?name=news&file=readnews&id=210
โทร. ศูนย์ประสานงาน สพป.ชม. 1 : 053-112333


วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อันดับ 5 : Barack Obama vs Mitt Romney. Epic Rap Battles Of History Season 2.

อันดับห้า ได้แก่ Barack Obama vs Mitt Romney. Epic Rap Battles Of History Season 2.  คลิปเพลงแร็พล้อเลียนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2012 ระหว่างบารัก โอบามาและมิต รอมนีย์





อันดับ 4 : Call Me Maybe

อันดับสี่ 



คลิปลิปซิงก์เพลง Call Me Maybe ของคาร์ลี เรย์ เจพเซ่น โดยจัสติน บีเบอร์ เซเลนา โกเมซ และเพื่อนๆ ซึ่งทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา


Call Me Maybe

          มิวสิควิดีโอเพลงนี้ เพิ่งจะเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว แต่ที่ทำให้มันกลายเป็นคลิปวิดีโอที่มีผู้ชมล้นหลาม ก็เพราะหนุ่มจัสติน บีเบอร์ เอาไปทวีตลงในทวิตเตอร์นั่นเอง งานนี้ก็เลยทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาดู จนกลายเป็นคลิปวิดีโอฮอตฮิตติดอันดับในที่สุด  มีคนคลิกเข้าไปชมมากถึง 22,500,382 คน (ยี่สิบสองล้านห้าแสนสามร้อยแปดสิบสองคน) ณ เวลา 4.17 น.วันนี้ วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2555  (ผู้เขียนเข้าไปชมเป็นคนที่ 22,500,382)



อันดับ 3 : KONY 2012

อันดับ 3


           สารคดีขนาดยาว 30 นาทีที่มีคนแชร์ต่อมากที่สุดในโลก วิดีโอนี้จัดทำโดยกลุ่ม Invisible Children ซึ่งก่อให้เกิดการถกเถียงและมีผู้ให้ความสนใจชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน






      เป็นคลิปวิดีโอที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวชื่อว่า "Invisible Children" ตั้งใจทำออกมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความโหดร้ายของ โจเซฟ โคนี่ อาชญากรสงครามแห่งยูกันดา ที่ลักพาตัวเด็กออกจากอ้อมอกของพ่อแม่ เพื่อนำเด็กไปเป็นนักรบบ้าง เหยื่อกามารมณ์บ้าง และนำไปทรมานทารุณและฆ่าบ้าง เป็นระยะเวลากว่า 26 ปีแล้ว ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ในยูกันดามีชีวิตอยู่กันอย่างหวาดผวา และวิดีโอนี้ได้กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ระดับโลกไปช่วงนี้ เพราะมีหลายฝ่ายออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเนื้อหาบิดเบือนความจริง และเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวเท่านั้น


อันดับ 2 : Somebody That I Used to Know

                          
                                                                      อันดับสอง



วิดีโอคัฟเวอร์ เพลง Somebody That I Used To Know  ของโกทีเย (Gotye) โดยวง Walk off the Earth จากแคนาดา โดยมีการใช้นักดนตรี 5 คนในการเล่นกีต้าร์ 1 ตัว  มีผู้เข้าชมมากถึง 141,121,131 คน







ฮอตฮิตติดชาร์ตขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดเลยทีเดียว  สำหรับ Somebody That I Used to Know เพลงเพราะ ๆ จากศิลปินหนุ่ม Gotye ที่ฟีเจอริ่งกับ Kimbra จึงไม่แปลกที่มิวสิควิดีโอเพลงนี้จะได้รับความนิยมมากตามไปด้วย และแรงข้ามปีด้วย




อันดับ 1 ได้แก่ PSY - GANGNAM STYLE (강남스타일) M/V

  • อันดับหนึ่ง ได้แก่ PSY - GANGNAM STYLE (강남스타일) M/V   เพลงกังนัมสไตล์ของไซ (Psy) นักร้องชาวเกาหลีใต้ ซึ่งมียอดผู้ชมสูงถึง 971,518,818 ครั้ง และกลายเป็นวิดีโอที่มีคนดูมากที่สุดตลอดกาลในเวลาเพียง 6 เดือน




    • อันดับสองได้แก่

    10 คลิปของ YouTube ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด แห่งปี 2012


    เว็บไซต์ YouTube สรุป  

     "10 คลิป แห่งปี 2012"   ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด


    เว็บไซต์ยูทูปทำคลิปลิบซิงก์ เพลงกังนัมสไตล์ และเพลง Call Me Maybe 
    สรุปเทรนด์คลิปวิดีโอปี 2012 ที่กำลังจะผ่านไป 
    โดยมีนักร้องเกาหลีใต้ ชื่อไซ    
    ซึ่งเพลงของเขามีคนดูมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในยูทูป 
    พร้อมบรรดาคนดังในยูทูปร่วมแสดงด้วย


    คลิปวิดีโอที่มีผู้ชมมากที่สุดในปี 2012 
     จำนวน 10 อันดับแรก ได้แก่

    • อันดับหนึ่ง ได้แก่ PSY - GANGNAM STYLE (강남스타일) M/V   เพลงกังนัมสไตล์ของไซ (Psy) นักร้องชาวเกาหลีใต้ ซึ่งมียอดผู้ชมสูงถึง 971,518,818 ครั้ง และกลายเป็นวิดีโอที่มีคนดูมากที่สุดตลอดกาลในเวลาเพียง 6 เดือน
      • อันดับสองได้แก่ Somebody That I Used to Know - Walk off the Earth (Gotye - Cover)  วิดีโอคัฟเวอร์เพลง Somebody That I Used To Know ของโกทีเย (Gotye) โดยวง Walk off the Earth จากแคนาดา โดยมีการใช้นักดนตรี 5 คนในการเล่นกีต้าร์ 1 ตัว  มีผู้เข้าชมมากถึง 141,121,131 คน
      • อันดับสาม ได้แก่ KONY 2012  สารคดีขนาดยาว 30 นาทีที่มีคนแชร์ต่อมากที่สุดในโลก วิดีโอนี้จัดทำโดยกลุ่ม Invisible Children ซึ่งก่อให้เกิดการถกเถียงและมีผู้ให้ความสนใจชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน
      • อันดับสี่ ได้แก่  "Call Me Maybe" by Carly Rae Jepsen - Feat. Justin Bieber, Selena, Ashley Tisdale & MORE!  คลิปลิปซิงก์เพลง Call Me Maybe ของคาร์ลี เรย์ เจพเซ่น โดยจัสติน บีเบอร์ เซเลนา โกเมซ และเพื่อนๆ ซึ่งทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา
      • อันดับห้า ได้แก่ Barack Obama vs Mitt Romney. Epic Rap Battles Of History Season 2.  คลิปเพลงแร็พล้อเลียนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2012 ระหว่างบารัก โอบามาและมิต รอมนีย์
      • อันดับหก ได้แก่ A DRAMATIC SURPRISE ON A QUIET SQUARE  คลิปโฆษณาจาก TNT ช่องทีวีของเบลเยียม โดยทีมงานวางปุ่มแดงกลางจัตุรัสเมืองเฟลมิช รอให้คนมากดและเกิดฉากแอคชั่นขึ้นมากมาย
      • อันดับเจ็ด ได้แก่ WHY YOU ASKING ALL THEM QUESTIONS? .. #FCHW   คลิปของเอ็มมานูเอล ฮัดสัน ร่วมกับ Spoken Reasons คนดังบนยูทูบ ร้องเพลงแร็พบ่นเรื่องที่แฟนสาวมักจะถามอยู่ตลอด เช่นว่า ไปไหน กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ จริงเหรอ?
      • อันดับแปด ได้แก่  Dubstep Violin- Lindsey Stirling- Crystallize  คลิปของ ลินเซย์ สเตอริง นักไวโอลินชาวอเมริกัน ซึ่งแสดงไวโอลิน บวกกับการเต้น dubstep ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง
      • อันดับเก้า ได้แก่ Facebook Parenting: For the troubled teen.  คลิปที่ชายคนหนึ่งทำเพื่อแก้แค้นลูกสาว โดยหลังจากอ่านข้อความของลูกสาววัย 15 ปี ซึ่งโพสต์บ่นเรื่องงานบ้านที่เธอต้องทำและความยุ่งยากที่พ่อแม่สร้างให้กับชีวิตของเธอบนเฟซบุ๊ก แต่บล็อคไม่ให้เขาเห็น ชายคนดังกล่าวก็ยิงแล็บท็อปของเธอด้วย ปืน .45
      • อันดับสิบ  ได้แก่  Felix Baumgartner's supersonic freefall from 128k' - Mission Highlights  คลิปที่เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ส่งฟิลิกซ์บามการ์ทเนอร์   ดิ่งมาจากชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์    ที่สูงกว่า 39,045 เมตร



      ที่มา: http://www.youtube.com/user/theyearinreview
      Wed, 2012-12-19 01:26  
      วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2555
      ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://prachatai.com/journal/2012/12/44280


      วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

      21-12-2012 โลกไม่ได้แตก

      นาซาปล่อยคลิปไขข้อข้องใจ ทำไมโลกไม่แตก 21 ธ.ค. นี้

      
      ScienceCasts: Why the World Didn't End Yesterday

                  กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดในหน้าสื่อขณะนี้เลยทีเดียว สำหรับวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ที่คนหลายกลุ่มเชื่อกันมาตลอดว่าเป็นวันสิ้นโลก ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญออกมายืนยันแล้วว่าโลกไม่แตกแน่นอน แต่เรื่องนี้ก็ยังได้รับการพูดถึงอยู่ไม่สร่างซา ล่าสุดนาซ่าได้เปิดเผยคลิปวิดีโอน่าสนใจออกมาคลิปหนึ่ง เป็นความจริงเกี่ยวกับวันสิ้นโลกที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว            คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นคลิปวิดีโอที่มีชื่อว่า"The World Didn't End Yesterday" หรือ โลกไม่ได้แตกเมื่อวานนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วน่าจะจัดทำขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 หรือก็คือหลังวันโลกแตก 1 วัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ ๆ ถึงได้เผยแพร่ออกมาก่อนกำหนดถึง 11 วัน
                  แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดคงไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่เนื้อหาภายในคลิปวิดีโอนี้มากกว่า โดยมีการไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก และลบล้างความเชื่อเรื่องโลกแตกที่เคยมีมาตลอดได้ดีเลยทีเดียว
                   เนื้อหาในคลิปเริ่มต้นขึ้นด้วยประโยคที่ว่า  "ถ้าหากพวกคุณได้ดูคลิปวิดีโอนี้  นั่นหมายถึงว่าโลกของเราไม่ได้อวสานไปเมื่อวานนี้" ก่อนที่จะอ้างคำยืนยันของดอกเตอร์จอห์น คาร์ลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์สมัยโบราณ ว่าตลอด35ปีที่เขาศึกษาด้านดาราศาสตร์โบราณ และได้ศึกษาปฏิทินมายา เขาพบว่าปฏิทินมายาถูกนำไปตีความผิดต่าง ๆ นานามาหลายปีแล้ว จริง ๆ แล้วปฏิทินมายาไม่ได้ระบุเลยสักนิดว่า โลกจะถึงกาลอวสานในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ มันเป็นแค่การสิ้นสุดรอบปฏิทินรอบหนึ่งตามหลักเทววิทยาของชาวมายันเท่านั้น เปรียบเสมือนกับปฏิทินรอบปีของคนทั่วโลก ที่สิ้นสุดที่วันที่ 31 ธันวาคม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลังจากวันนั้นจะไม่มีวันใหม่ หรือจะเป็นวันที่โลกแตก
                 นอกจากนี้ นาซายังเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับดาวนิบิรุ ที่ชาวสุเมเรียนค้นพบตั้งแต่โบราณกาล และมีความเชื่อว่าดาวดวงนี้จะชนกับโลกในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ว่า ไม่มีดาวนิบิรุตามความเชื่อแต่อย่างใด และเร็ว ๆ นี้ ก็จะไม่มีดาวหรืออุกกาบาตที่ไหนพุ่งชนโลกด้วย เพราะถ้าหากจะมีดาวหรืออุกกาบาตพุ่งชนโลกจริง ๆ ป่านนี้คนบนโลกคงจะได้เห็นจุดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนฟ้าช้า ๆ และขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ให้เราได้เห็นเป็นเวลานานนับสัปดาห์หรือเป็นเดือนเลยทีเดียว ที่สำคัญ หากมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น นาซาก็คงจะตรวจสอบพบก่อนมันจะชนโลกล่วงหน้าได้เป็นสิบปีร้อยปี
                  ส่วนความเชื่อที่ว่า แม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนขั้ว จนทำให้ทุกอย่างบนพื้นผิวโลกแปรปรวน เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ไปพร้อม ๆ กันทั่วโลกนั้น ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้แต่อย่างใด และถ้าหากจะเกิดขึ้น ก็ต้องใช้เวลานานนับล้าน ๆ ปี ไม่ได้เกิดขึ้นคราวเดียวอย่างที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ ที่สำคัญ ระหว่างที่แกนแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้ว สิ่งมีชีวิตบนโลกก็จะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลยด้วย           
                 ดังนั้น จึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องโลกแตก แต่เป็นเรื่องโลกร้อนที่เห็นผลกระทบชัดเจนขึ้นทุกวัน  เราจึงควรร่วมมือกันแก้ปัญหานี้ดีกว่า เพราะโลกร้อนนี่แหละ ที่เป็นตัวการทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก และเกิดภัยพิบัติทั่วโลก จนนำมาซึ่งความสูญเสียดังที่เคยเกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา





      ขอบคุณข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
      ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ NASAtelevision สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

      วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

      งานวิจัย เรื่อง รูปแบบการส่งเสริมการอ่านของเด็กปฐมวัยในทรรศนะของครูและผู้ปกครอง



      รูปแบบการส่งเสริมการอ่านของเด็กปฐมวัยในทรรศนะของครูและผู้ปกครอง:
      (Attitude of Teachers and Parents towards the Reading Encouragement Model for Early Childhood).
      สุขุม  เฉลยทรัพย์.  (2553). 
      กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.  108 หน้า. (ส.ร. 372.4 424 ) 01/2554/48
                   ศึกษาความรู้ ทัศนคติ และความคาดหวังในการส่งเสริมการอ่าน  ศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริมการอ่านเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และความคาดหวังกับปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมการอ่าน รวมทั้งสร้างรูปแบบการส่งเสริมการอ่านให้แก่เด็กปฐมวัย   โดยศึกษาจาก ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเด็กปฐมวัย ใช้วิธีการวิจัยคือ การสัมภาษณ์เชิงลึก จากประชากรกลุ่มเป้าหมายรวม 38 คน และสนทนากลุ่มรวม 21 คน   และ แบบสอบถาม สอบถามครูและผู้ปกครองเด็กปฐมวัยจำนวน 3,221 คน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 - พฤษภาคม 2553  สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานการวิจัยคือ t-test และการหาความสัมพันธ์อย่างง่าย (Pearson Correlation Coefficient)
                  ผลการศึกษาพบว่า ความรู้ ทัศนคติ และความคาดหวังในการส่งเสริมการอ่านให้เด็กปฐมวัยของครูและผู้ปกครอง พบว่า การจัดการเรียนการสอนถูกแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เน้นพัฒนาการ จะส่งเสริมการอ่านตามความต้องการและธรรมชาติของเด็กปฐมวัย การอ่านในลักษณะนี้จะเข้าใจว่าเด็กอ่านได้ แต่จะอ่านไม่ออก เป็นการอ่านจากจินตนาการ อ่านตามผู้ใหญ่ เป็นการสร้างความคุ้นเคยระหว่างเด็กกับหนังสือ  กับเน้น การแข่งขัน จะเป็นการสอนอ่านแบบสะกดคำ อ่านตามความต้องการของผู้ใหญ่ เด็กสามารถอ่านได้ แต่ไม่ได้เกิดจากความต้องการของตนเอง ทำให้ไม่อยากอ่าน  ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมการอ่านของเด็ก คือการอ่านให้เด็กฟัง ไม่บังคับให้เด็กอ่านให้ออก รวมทั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก พ่อแม่ หรือคนที่ใกล้ชิด  สื่อหรือหนังสือควรเหมาะสมกับวัย มีรูปภาพประกอบ หนังสือควรมีหลายประเภท 
      ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และความคาดหวังกับปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมการอ่าน พบว่า ความรู้ ทัศนคติ ความคาดหวังและปัจจัยในการส่งเสริมการอ่านด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญามีความสัมพันธ์กับปัจจัยด้านสติปัญญาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01  รูปแบบการส่งเสริมการอ่าน คือต้องมีนโยบายที่ชัดเจนจากกระทรวงหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ
                  รูปแบบ “3 มีแบบ “3เส้า คือ ต้องมีนโยบาย ต้องมีความเข้าใจ และต้องมีกิจกรรม โดยทั้ง 3 ส่วน ต้องมีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน ดำเนินงานด้วยจิตอาสา และจิตสาธารณะ

      ขอบคุณข้อมูลดี เพื่อการแบ่งปัน  http://library.cmu.ac.th/rsc/?newsdetail.php&id=284
      ขอบคุณภาพประกอบจาก Google



      การอ่านหนังสือของคนไทย...ในวันนี้



      การอ่านหนังสือของคนไทย 
       
      • จากวันนี้ไป นับถอยหลังอีก 31 วัน จะเข้าสู่ปี 2556
      • และในปี 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
      • ประกอบด้วยไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา มีประชากรรวมกันประมาณ 570 ล้านคนโดยประมาณ 

      มั่นใจกันถึงขนาดว่า ประชากรในกลุ่มอาเซียนขนาดนี้ น่าจะทำให้เพิ่มศักยภาพในการบริโภค เพิ่มอำนาจการต่อรองในระดับโลก มีแรงดึงดูดเงินลงทุนที่อยู่นอกอาเซียนเข้ามามากขึ้น ในทำนองว่าสิบเสียงย่อมดังกว่าเสียงเดียวว่างั้นเถอะ 

      แต่พอมาดูผลการสํารวจการอ่านหนังสือของประชากรไทย ปี 2554 ของสํานักงานสถิติแห่งชาติ เผยแพร่ในปี 2555แล้ว ขอสรุปมาให้เห็นถึงความน่าสนใจในหลายประเด็นที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการนำไปคิดต่อที่ว่า 

      เมื่อเปรียบเทียบอัตราการอ่านหนังสือของประชากร ซึ่งสํารวจไว้ในปี 2551 กับปี 2554 พบว่า
      • กลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ มีอัตราการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36.0 เป็นร้อยละ 53.5 
      • ขณะที่กลุ่มผู้ที่มีอายุ 6 ขวบขึ้นไป มีอัตราการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากร้อยละ 66.3 เป็นร้อยละ 68.6 เท่านั้น
      • และยังพบว่าในเขตเทศบาลมีอัตราการอ่านหนังสือสูงกว่านอกเขตเทศบาล 
      •  
      ที่น่าสนใจ คือ
      • เด็กเล็กมีความถี่ในการอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์มีเพิ่มมากขึ้น
      • เด็กเล็กในกรุงเทพมหานครมีอัตราการอ่านหนังสือสูงสุด
      • ขณะที่ภาคอีสานเด็กเล็กมีอัตราการอ่านหนังสือต่ำสุด 
      สําหรับวัยเยาวชนและวัยทํางานส่วนใหญ่อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านนิตยสาร
      วัยสูงอายุส่วนใหญ่อ่านหนังสือ/เอกสารเกี่ยวกับคําสอนทางศาสนา รองลงมาคือ หนังสือพิมพ์ 
      หนังสือพิมพ์ยังคงเป็นประเภทที่มีผู้อ่านสูงสุด ถึงร้อยละ 63.4
      รองลงมา คือ ตําราเรียน/เอกสารที่ให้ความรู้ นวนิยาย/การ์ตูน/หนังสืออ่านเล่น นิตยสาร 
       
       
      ผู้อ่านหนังสือที่มีอายุตั้งแต่ 6ขวบขึ้นไปทั้งหมด
      • ใช้เวลาอ่านหนังสือนอกเวลาเรียน/นอกเวลาทํางานเฉลี่ย 35นาทีต่อวัน
      • กลุ่มเด็กและเยาวชนใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ย 39-43 นาทีต่อวัน
      • มากกว่ากลุ่มวัยทํางานและสูงอายุที่ใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ย ประมาณ 31-32นาทีต่อวัน 

      ที่มา ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
      เลาะเลียบคลองผดุงฯ 
      ตุลย์ ณ ราชดำเนิน tulacom@gmail.com
       




      วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

      “บ้านเมืองปอน” ขุนยวม แม่ฮ่องสอนวิถีชุมชนไทยใหญ่ กลางหุบเขาอันเงียบสงบ


      ทุ่งดอกบัวตองใน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน 
      (ขอบคุณภาพจาก Google)

           ณ ห้วงเวลาเริ่มต้นของฤดูกาลแห่งเหมันต์ ปลายฝนต้นหนาว เช่นนี้ ใครต่อใครต่างก็เอ่ยถึง “อำเภอขุนยวม” จังหวัดแม่ฮ่องสอน   เนื่องด้วยที่นี่ถือเป็น “เมืองหลวง” ของดอกบัวตอง ที่กำลังเบ่งบานเหลืองอร่ามเต็มเทือกดอยแม่อูคอ และนอกจากดอกบัวตอง บนดอยแม่อูคอ จะเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวแล้ว อำเภอขุนยวมแห่งนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้ติดตามมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “บ้านเมืองปอน”

           บ้านเมืองปอน ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 108 สายขุนยวม-แม่ลาน้อย ห่างจากตัวอำเภอขุนยวม ประมาณ 13 กิโลเมตร โดยเป็นหมู่บ้านชุมชนชาวไทใหญ่ที่อยู่กันมานานกว่า 200 ปี  รายล้อมไปด้วยทุ่งนาและป่าเขา มีลำน้ำปอนเป็นสายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ชาวบ้านใช้ชีวิตเรียบง่ายตามวิถีทางการเกษตรชาวไทใหญ่หรือชาวไต ณ บ้านเมืองปอน ยังคงอัตลักษณ์ความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมประเพณีไว้อย่างเหนียวแน่น และในทุกวันนี้ชุมชนแห่งนี้ พร้อม “เปิดบ้าน”อวดสิ่งดีๆ และต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่านด้วยความเป็นมิตร

           สิ่งดีๆ ณ ที่งดงามแห่งนี้มีให้สัมผัสกันมากมาย เริ่มต้นด้วยแรกที่มาสัมผัส ท่านจะได้สัมผัสกับอากาศอันบริสุทธิ์ ตามแบบฉบับของหมู่บ้านในขุนเขา และความเป็นมิตรของผู้คน พร้อมทั้งสัมผัสกับหัตถกรรมพื้นบ้าน และของฝากของที่ระลึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำจองพารา (ปราสาทของพระพุทธเจ้า ที่ทำถวายในช่วงปอยเหลินสิบเอ็ด หรือประเพณีออกพรรษา) , การฉลุ และตัดเย็บเสื้อไทยใหญ่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใครตรงที่ “กระดุม” อันสวยงาม , การจักสานกุ๊บไต และขนมข้าวตอกปั้น ข้าวแต๋น และอื่นๆอีกมากมาย    นอกจากหัตถกรรมและสินค้าพื้นบ้านแล้ว บรรยายกาศรายล้อมยังคลาสสิคไปด้วย “เรือนไม้แบบไทยใหญ่” ที่มีลักษณะการปลูกบ้านอยู่ 2 แบบด้วยกัน  ได้แก่ “เรือนโหลงสองส่อง” และ  "เรือนโหลงตอยเหลียว”

            เรือนโหลงสองส่อง เป็นเรือนใต้ถุนสูงมีสองหลังคาต่อกัน เหมือนมีบ้านสองหลังอยู่ด้วยกัน เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ที่มีทั้งจาน (นอกชาน) ส่องไพ (ห้องครัว) อยู่ภายในตัวบ้าน

          เรือนโหลงตอยเหลียว เป็นเรือนฉบับครอบครัวเล็ก ที่จะปลูกเรือนในลักษณะเป็นเรือนเดี่ยวใต้ถุนสูง

           นอกจากนี้ในยามเช้ามืดใกล้รุ่ง บ้านเมืองปอน ก็มีตลาดเช้าให้คนตื่นแต่เช้าได้สัมผัสกัน โดยจะเป็นตลาดเช้าที่เริ่มเปิดตลาดตั้งแต่ราวๆตี 4 แล้วเริ่มวาย (เลิกขาย)  ราวๆ 6 โมงเช้า   ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้านำของมาขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขนมพื้นบ้าน น้ำเต้าหู้ อาหารปรุงสำเร็จ พืชผักผลไม้ เนื้อหมู ปลา และอื่นๆอีกมากมาย ที่หาได้ตามท้องทุ่ง ที่ลูกค้าที่มาจับจ่ายส่วนใหญ่จะเป็นคนในหมู่บ้าน และพ่อค้าแม่ค้าจากต่างหมู่บ้าน ที่มาซื้อแล้วนำไปขายต่อยังหมู่บ้านอื่น

          ผู้สนใจสัมผัสวิถีชีวิตไทยใหญ่อันเรียบง่าย  ภายใต้ลมหนาวของเทือกดอย  เชิญแวะได้ ณ บ้านเมืองปอน นะคะ.. มนต์เสน่ห์ แห่งเมืองสามหมอก

      บ้านเรือนทรงไทยใหญ่ ในอำเภอขุนยวม (ภาพประกอบจาก Google)



      http://www.prachatalk.com/board/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/%E2%80%9C%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%99%E2%80%9D-%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A1-%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88