Love to Read

LOVE TO READ อ่านมากรู้มาก อ่านน้อยรู้น้อย ไม่อ่านไม่รู้



วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

จดหมายถึงแม่




จดหมายถึงแม่
ฉบับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

กราบแม่ที่เคารพรักที่สุดในชีวิต  
            แม่ขา..หนูกราบแม่ค่ะ ในวันแห่งความรักวันนี้  คิดถึงแม่จังค่ะ..คิดถึงมาก  วันครูปีที่แล้วหนูให้สัญญากับพ่อว่าหากยังมีชีวิตอยู่หนูจะเขียนจดหมายถึงพ่ออีก  แต่หนูผิดสัญญามาเกือบเดือนแล้วค่ะแม่ หนูมัวทำงานและคงนึกถึงแต่ตัวเองมากเกินไปค่ะ ทั้งๆ ที่รู้สึกคิดถึงแม่ตั้งแต่วันพ่อ ๕ ธันวาแล้ว  วันพ่อเป็นวันเกิดของแม่  วันครูเป็นวันที่หนูเสียแม่  หนูจึงคิดถึงทั้งพ่อและแม่  ทั้งวันพ่อและวันครู  หนูยังไม่ลืมสัญญาที่ให้กับพ่อไว้ค่ะ..
           หนูมีวันนี้ได้ วันแห่งความสง่างามในชีวิต  เพราะหนูเป็นลูกพ่อ ลูกแม่ที่สอน วิชาชีวิตให้หนู จากต้นกล้าเล็ก ๆ จนกระทั่งเป็นไม้ที่แข็งแรงในวันนี้  หนูกราบพ่อกับแม่ค่ะ  วันครูปีหน้าหนูจะเขียน จดหมายถึงพ่ออีกนะคะ..แม่ขาหนูไม่เสียใจแล้วค่ะ ที่หนูไม่ได้เป็นหมอ   ณ วันนี้หนูภาคภูมิใจกับการเป็น"ครูของแผ่นดิน"ที่สุดค่ะ หนูจะทำหน้าที่ของหนูให้ดีที่สุดหนูให้สัญญาค่ะ

      ไม่ดีเลยนะคะกับการผิดสัญญา มีผู้ใหญ่บอกหนูค่ะว่าหนูเป็นคนใจดีชอบรับปากและให้สัญญาคนง่าย ๆ ซึ่งผลมีทั้งบวกและลบ  ทางบวก..เขาบอกว่าทำให้มีคนรัก คนชอบเพราะแสดงการมีน้ำใจ  เขาขอความช่วยเหลือหรือไหว้วานเราได้ง่าย  ในขณะเดียวกันผลเสียก็มีมากด้วย  หากเราทำตามสัญญาไม่ได้คนก็จะขาดความเชื่อถือ  ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ  หนูก็ว่าจริงทำให้หนูต้องพิจารณาตัวเองค่ะ ว่าจริงแท้แน่เลย   หนูจึงรีบมาคุยกับพ่อและแม่ในวันสำคัญนี้ค่ะ..พ่อกับแม่ไม่โกรธหนูนะคะ  สัญญาของหนูล่าช้าไปนิดหนึ่ง   ในโกทูโนหนูก็สัญญาครูพี่คิมค่ะว่าจะอธิบายเรื่องการตกแต่งรูป แต่หนูยังไม่ได้ทำเลยค่ะ  ครูพี่คิมจะขาดความไว้เนื้อเชื่อใจไหมคะนี่..

        แม่ขา..อยากกอดแม่จังค่ะ  อยากกอดแน่นๆ กอดนานๆ อยากหอมแก้มแม่ด้วย แก้มแม่ที่นุ่มๆขาวๆนวลๆ ที่หนูเคยลูบ เมื่อแม่ไม่สบาย  อีกตั้งหลายอย่างค่ะที่หนูอยากทำให้แม่ อยากนวดหลังให้แม่  อยากบีบไหล่ให้แม่  ไหล่ที่แม่เคยปวดนักหนาเมื่อแม่ยังอยู่กับหนู   แม่คงเมื่อย คงปวด..ล้าจากการตรากตรำกับงานหนัก 

         หนูยังจำภาพเหล่านี้ได้ติดตาตรึงใจ..  แม่ให้หนูบีบหลัง หัวไหล่ ต้นคอให้ ตั้งแต่หนูตัวเล็กนิดเดียว มือก็เล็ก  แม่คงไม่รู้สึกดีขึ้นเพราะแรงมือของหนูน้อย  แม่จะบอกว่า  เอาแฮงๆ  ทั้งๆที่หนูก็ว่าบีบจนสุดแรงแล้วแต่แม่คงไม่หายปวดนั่นเอง   ฝีมือบีบของหมอนวดตัวเล็กคงไม่ทำให้อาการปวดเมื่อยของแม่บรรเทาลง แม่จึงให้หนูขึ้นไปเหยียบให้แม่เลย  ภาพที่แม่เอาผ้าห่มสะบัดๆแล้วก็พับครึ่งปูที่พื้นบ้านบ้าง  บนแคร่บ้าง  บางทีก็ใต้ถุนบ้าน  แม่จะนอนคว่ำ หนุนหมอนบ้าง บางทีก็หนุนแขนของแม่เองแล้วให้หนูเหยียบให้    แม่จะปูผ้าชิดข้างฝาหรือมีราวไว้เพื่อให้หนูได้เกาะ หรือเอามือยันข้างฝาไว้ให้มั่น  หากไม่เช่นนั้นการทรงตัวของหนูก็จะไม่ดีทำให้การเหยียบแม่ดิ้นไปมา  แทนที่จะคลายจากการปวดเมื่อย แม่ก็จะเจ็บมากกว่าเดิม     
        แม่จะให้หนูเหยียบทุกคืนหลังจากงานของแม่เสร็จแล้ว   กว่างานแม่จะเสร็จแต่ละวันก็ดึกมาก   บางคืนหนูก็ง่วงเมื่อเหยียบให้แม่  ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง การเหยียบแม่ก็จะให้เหยียบไล่จากปลายเท้าขึ้นมาที่น่อง   แล้วก็ขยับขึ้นมาที่ขา  สะโพก ซึ่งส่วนนี้หนูไม่ค่อยระวังก็ได้ เพราะเป็นส่วนที่มีเนื้อเยอะ  พอถึงตรงนี้หนูก็จะยืนนิ่งๆ พิงข้างฝา บางครั้งก็หลับไปด้วย    แม่คงผิดสังเกตที่เห็นหนูเงียบก็เรียกชื่อหนูดังๆ บางครั้งหนูตกใจลื่นไถลตกจากตัวแม่เลย   แม่ก็จะว่าให้หนูแรงๆ   ตั้งใจ๋หน้อย เอาแต้ๆ   ถ้าตั้งใจ๋ กำเดียวก่อแล้ว   ตอนนั้นหนูไม่ได้คิดถึงความหมายที่แม่พูดหรอกค่ะ น้อยใจด้วยซ้ำว่าแม่ใช้หนูอยู่คนเดียวไม่เห็นใช้น้องสาวเลย หนูขอให้เสร็จๆ ก็แล้วกัน    หากย้อนเวลาได้หนูจะไม่น้อยใจแม่เลยค่ะ  หนูจะตั้งใจทำให้แม่ดีที่สุด   หนูกราบขอโทษแม่ด้วยค่ะ 

        เอาแต้ๆ” ของแม่ ..หมายถึง ทำจริงๆ  ตั้งใจ๋หน้อย” ไม่ได้หมายความว่าให้ตั้งใจน้อย แต่หมายถึง “ให้ตั้งใจหน่อย เวลาทำงาน หากตั้งใจจริงๆ งานก็จะเสร็จไว  แม่คงตั้งใจจะให้หนูเหยียบให้แม่คลายจากอาการปวดเมื่อย   หากแม่ดีขึ้นแม่คงบอกให้หยุดเหยียบ  นั่นหมายถึงว่าหากหนูมีความตั้งใจทำแล้วสำเร็จตามที่แม่ต้องการหนูก็จะได้หยุดพักไวขึ้นนั่นเอง  คำพูดของแม่สั้นๆ แต่ความหมายชัดเจน เข้าทำนองพูดง่าย ทำง่าย

        สายตัวแทบขาด” หนูรู้ชัดของความหมายจากแม่นี่เอง  การทำงานของแม่ทำทุกวัน ตั้งเช้ามืดจรดค่ำ บางวันย่างเข้าถึงยามค่ำคืนด้วย  เส้นสายในตัวของแม่คงตึงไปหมด  แม่จึงต้องหาวิธีการคลายความปวด..ความเมื่อย..โดยหนู   "เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด" คงเป็นอย่างนี้เอง   แม่ขา..หนูสงสารแม่จังค่ะ  แม่ให้หนูเหยียบจนกระทั่งหนูตัวโตเป็นผู้ใหญ่ก็ยังคงได้เหยียบให้แม่สม่ำเสมอ  เหยียบตรงเอวที่แม่ปวด  เหยีบบตรงน่องที่แม่เมื่อย  เหยียบแม้กระทั่งต้นคอของแม่  แม่บอกว่าให้ใช้ส้นเท้ากดลงไปนิ่งๆนานๆ หากถูกตรงจุดที่ปวดแล้วแม่จะได้รู้สึกสบาย แล้วค่อยยกเท้าออก    จนหนูไปเป็นครูที่บ้านนอกไกลโพ้น  หลายเดือนถึงจะได้กลับบ้านสักครั้งหนึ่ง  แม่จะรอการมาเยี่ยมบ้านของหนู   รอให้หนูมาเหยียบให้แม่  แม่จะถามเสมอว่า “เมื่อไหร่จะมาบ้านอีก”  ..ช่างเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากเหลือเกินที่แม่ต้องทนต่อสู้กับความเจ็บปวด เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า  จาก สิบปี ยี่สิบปี จนถึงหกสิบสี่ปีของแม่   ตลอดชีวิตของแม่เลยทีเดียวก็ว่าได้กับความเหน็ดเหนื่อยจากการเฝ้าบ่มเพาะต้นกล้าเล็กๆ 3 กล้า   หลังจากที่พ่อจากไป   เพื่อการเป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตอย่างงดงาม ด้วยความรัก  ทะนุถนอม  ดูแล เอาใจใส่   ยิ่งหวนคิด.. พาให้สะท้อนในอกที่หนูได้ดูแลแม่น้อยมาก เมื่อเทียบกับเวลาที่แม่ดูแลพวกหนู  ทำทุกสิ่งอย่างเพื่อลูก

ดำน้ำหื้อหันทราย      นอนหงายหื้อหันฟ้า   แม่พ่อว่ามาหลายหน
ลูกยังไม่รู้คำตอบ       แปลกชอบกล          ทำไมคนต้องเป็นเช่นนี้แล


        เป็นอีกหนึ่งคำสอนของพ่อและแม่ ที่เฝ้าพร่ำบอกหนูในการทำงาน  หนูไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าหมายถึงอะไร  เพราะหนูไม่เคยดำน้ำ  หนูกลัวน้ำเพราะเคยตกน้ำคลองข้างบ้าน หากพ่อช่วยไม่ทันหนูก็คงไม่มีวันนี้    ดังนั้นคำว่าดำน้ำหื้อหันทราย”  หนูจึงคิดถึงนัยของสำนวนไม่ได้เลยนอนหงายหื้อหันฟ้าก็เช่นกัน หนูรู้จักฟ้า รู้จักการนอนหงาย  แต่หนูไม่รู้จริงๆว่าพ่อต้องการจะบอกอะไรหนู  เมื่อพ่อจากไปแม่ก็ใช้สำนวนนี้แหละค่ะบอกกล่าวหนูบ่อยๆ ในการทำงาน  งานที่มีเยอะแยะมากมายในแต่ละวัน   “เอาแต้ๆ”  เยี๊ยะแต้ๆ “บ่ดีเหลาะๆแหละๆ”  “ก๋านแล้วเมื่อใดก้อยย๊าง”  หมายถึง ทำจริงๆ ไม่ให้เหลาะแหละ งานเสร็จเมื่อไหร่ค่อยพัก ก้อยย๊าง ก็หมายถึง ค่อยหยุด หรือค่อยพัก

     วันเวลาของชีวิตผ่านไปเร็วจังค่ะแม่..จากชั่วโมงเป็นวัน เป็นหลายวัน  เป็นเดือน เป็นปี และหลายๆปี   แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วที่แม่จากหนูไป เหมือนกับเพิ่งผ่านไปไม่นานนี้เอง  ชีวิตคนเราดุจใบไม้นะคะแม่  คอยที่จะร่วงหล่นลงจากต้น     ยิ่งเห็นใบไม้ยามนี้ร่วงหล่นยิ่งเหงาๆ  อ้างว้างจังค่ะ  คิดถึงแม่อย่างบอกไม่ถูก  เหมือนกับว่าเวลาของหนูก็คงเหลืออีกไม่นานแล้ว     ช่วงนี้อากาศที่บ้านเราย่างเข้าหน้าร้อนแล้ว  อากาศแห้งๆค่ะ  ต้นไม้ที่ที่ทำงานของหนูร่วงเต็มพื้น  คิดถึงพ่ออีกแล้วค่ะ..  พ่อมอบหน้าที่ให้หนูกวาดใบลำไยที่ร่วงหล่นเต็มก๋างข่วง (ลานบ้าน)    หนูกวาดๆๆๆๆ.. กวาดทุกวัน  เช้ามืดบ้าง  หากวันไหนไม่ทันก็ค่ำๆ  หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์ก็ค่อยยังชั่วหน่อย  สายๆ ก็ได้    กวาดๆๆๆ.. กวาดเท่าไหร่ก็ไม่หมด  ต้นลำไยตั้งหลายต้น     กวาดเช้า..ร่วงสาย  กวาดบ่าย..ร่วงค่ำ  กวาดใบเก่า..ไปข้างหน้า  ใบใหม่..ก็ร่วงหล่นตามหลัง   กวาดแล้วกองรวมๆกัน  แล้วต้องกอบใส่ซ้าหรือตะกร้า  เอาไปทิ้งที่ท้ายสวนนู่นเพื่อเผา   พ่อบอกว่ากวาดให้เอี่ยมๆ ไม่ให้เหลือใบไม้แม้แต่ใบเดียว  พ่อขา..ก็ใบลำไยมันร่วงตามหลังหนูนี่คะ  กวาดอีกก็ร่วงอีก เฮ้อ!  พ่อบอกว่าให้อดเอา” อดเอา หมายถึง  อดทน อดทน อดทน ..คำสอนของพ่อเสมือน คำศักดิ์สิทธิ์สำหรับชีวิตหนูโดยแท้  หนูใช้คำนี้ของพ่อจนถึงทุกวันนี้ค่ะกับทุกเรื่องราวในชีวิต   พ่อบอกให้หนูอดทน    แม่บอกให้หนูเอาจริงเอาจัง  ทำอะไรให้ตลอดรอดฝั่ง   อดเอา..ของพ่อ   เอาแต้ๆ..ของแม่ ช่างยิ่งใหญ่นักในชีวิตลูกผู้หญิงเช่นหนู

ณ วันนี้ เวลานี้ หนูรู้ชัดแล้วค่ะแม่ขาดำน้ำหื้อหันทราย  นอนหงายหื้อหันฟ้า..คำทิพย์ของแม่และพ่อ  พ่อแก้วแม่ขวัญของหนู
 

ดำน้ำให้เห็นทราย   ความหมายนั้น
เรียนอะไรทะลุ         นั่นหมั่นศึกษา
เมื่อนอนหงาย         ต้องมองเห็นท้องฟ้า
ลึก..แกร่ง..กล้า      หมั่นฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ
  รักแม่ที่สุดในโลก
   กราบแม่..ของลูก ผู้ปลูกชีวิต
แม่อุทิศ ทุกอย่าง เพื่อสร้างสรรค์
พระคุณแม่ มากล้ำ เกินรำพัน
ดุจตะวัน และจันทรา พาอาวรณ์

   เหลือเพียงความ ทรงจำ ให้รำลึก
ความรู้สึก ดีดี ที่แม่สอน
เอาแต๊ๆ เยี๊ยะแต้ๆดุจดั่งพร
เมื่อแม่จร จากลา จึงอาลัย

...คิดถึงแม่ วันนี้ ไม่มีแม่
รักรักแม่ รักแท้ กว่าสิ่งไหน
แม้เวลา เลยลับ นานเท่าใด
แม่อยู่ใน ดวงใจลูก ทุกวันวาร

                            ด้วยรักและเคารพแม่ที่สุดค่ะ..



บันทึกเมื่อ ๔ ปีที่ผ่านมา ณ บ้าน Gotoknow