Love to Read

LOVE TO READ อ่านมากรู้มาก อ่านน้อยรู้น้อย ไม่อ่านไม่รู้



วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาในเขตพื้นที่สูงและชายแดนของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2557



การประชุมเสวนาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาในเขตพื้นที่สูง ที่เชียงราย
 อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย - 
         นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเสวนาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่สูงและชายแดน ประจำปีงบประมาณ 2558-2561    โดยมี ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ  ดร.กมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน   พลเอกวิชิต ศาทรานนท์ ประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ศธ.    ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เชียงราย เขต 1-3    ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 36 ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และนักเรียน เข้าร่วมกว่า 100 คน   เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 ที่ห้องประชุมโรงแรมดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท    พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี  ตั้งแต่เวลา 10.05-11.00 น.

        ดร.กมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดประชุมเสวนาในครั้งนี้ว่า เพื่อรับฟังความเห็น มุมมอง ข้อเสนอแนะ ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่สูงและชายแดน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่สูงและชายแดน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558-2561 ซึ่งหวังว่าผลการประชุมเสวนาในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดแผนยุทธศาสตร์และข้อมูลสารสนเทศที่เป็นปัจจุบัน ทันสมัย ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และสามารถนำไปใช้พัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนในเขตพื้นที่สูงและชายแดน ตลอดจนช่วยให้การดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาต่อไป

รมว.ศธ. กล่าวว่า ศธ.มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะเร่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาและกระจายโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ ให้เป็นนโยบายในภาพรวม  และจากการรายงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หลายเรื่อง เช่น เด็กตกหล่น เด็กออกกลางคัน ซึ่งมีจำนวนมากนั้น ประเทศไทยต้องให้ความสนใจและความสำคัญกับสัญญาอนุสัญญาระหว่างประเทศ ปฏิญญาจอมเทียนในเรื่องการศึกษาเพื่อทุกคน (Education for All) ซึ่งเป็นเรื่องในภาพรวมด้วย



ในส่วนของการศึกษาในพื้นที่สูง ชายขอบ และชายแดน จะมีเรื่องที่มีลักษณะเฉพาะจำนวนมาก ตามสภาพของภูมิประเทศ ความลำบาก ทุรกันดาร ความขาดแคลนในทุกๆ ด้าน และที่สำคัญคือ ความมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ซึ่งพบว่าเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมนี้ยังเป็นเอกลักษณ์ที่หลากหลาย อยู่ร่วมกันของคนหลากหลายวัฒนธรรมก็มี อยู่ร่วมกันจำนวนมากของผู้ที่มีวัฒนธรรมและภาษาร่วมกันก็มี ฉะนั้นในลักษณะพิเศษอย่างนี้ จะดูแลผู้ที่อยู่ในพื้นที่ลักษณะนี้ให้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียมกันได้อย่างไร ส่งเสริมให้มีการพัฒนาอย่างสอดคล้องกับศักยภาพได้อย่างไร



จากการเดินทางไปเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในพื้นที่สูงและได้รับฟังความคิดเห็นบางส่วน ทำให้เห็นว่าเรื่องที่ควรให้ความสนใจมีหลายประเด็น ที่สำคัญคือ เรื่องของลักษณะพิเศษของสังคม ประชาชน และชุมชน รวมทั้งต้องคำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม ของประเทศที่มาเกี่ยวข้อง ของประเทศเพื่อนบ้าน และเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆ ที่มีบทบาทต่อภูมิภาคนี้ ทำให้แนวความคิดเกี่ยวกับการส่งเสริมประชาชนของไทย ควรจะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่น เราอาจจะเคยมองปัญหาเด็กเยาวชน ประชาชน ที่เป็นภาระของหลายฝ่ายที่ต้องดูแล แต่ปัจจุบันอาจจะมองว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สามารถพัฒนาได้ และนำมาช่วยพัฒนาประเทศได้ ซึ่งในเรื่องเหล่านี้จะเสวนาในรายละเอียดต่อไป



ส่วนประเด็นที่จะต้องให้ความสนใจและให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือ การสอนภาษาไทยสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่ แม้จะมีองค์ความรู้อยู่บ้างแล้วก็ตาม แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ให้ได้ผล เพราะการเรียนวิชาต่างๆ ต้องใช้ภาษาไทยเป็นหลัก แต่หากเราสอนภาษาไทยไม่ได้ดีตั้งแต่ต้น หรือตลอดทาง การจะให้เด็กได้เรียนรู้วิชาต่างๆ ได้ดีก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา การร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆ กับภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชนเข้ามาช่วยเหลือกัน การดูแลอุดหนุนและให้การสนับสนุนโรงเรียนอย่างเหมาะสม เพื่อให้โรงเรียนเล็กๆ โรงเรียนในที่ลำบาก สามารถได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น มากกว่าการจะพึ่งพาอาศัยเฉพาะเงินอุดหนุนรายหัว  ภายหลังพิธีเปิด รมว.ศธ.และคณะผู้บริหาร ได้ชมนิทรรศการความก้าวหน้าของสถานศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ที่จัดการศึกษาในเขตพื้นที่สูงและชายแดนของจังหวัดเชียงราย






รมว.ศธ.ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติม
จากผลการเสวนาในประเด็นต่างๆ ดังนี้

- การผลิตและพัฒนาครู เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิดวางระบบวางแผน เพื่อที่จะได้ครูที่มีองค์ความรู้พร้อมที่จะมาสอนในพื้นที่ที่มีทั้งความแตกต่างหลากหลาย เอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม โดยส่งเสริมให้คนในพื้นที่เป็นครูมากขึ้น ส่งเสริมแรงจูงใจ เส้นทางความก้าวหน้าทางอาชีพ และสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้อยู่ได้นานๆ เพราะปัญหาก็คือ ครูมาจากที่อื่นอยู่ไม่นานก็จะย้ายออกไป เนื่องจากไม่ได้ครูที่เข้าใจพื้นที่ เข้าใจสภาพความเป็นจริง และมีประสบการณ์เพียงพอ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องดูทั้งระบบของ ก.ค.ศ. และคุรุสภามาประกอบด้วย ในส่วนของการผลิตครู ต้องดูการวางระบบกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะต้องสร้างความเข้าใจระดับนโยบายของผู้บริหาร ครูผู้สอน และให้คนในเมืองยอมรับความแตกต่างของชนเผ่า

- ทักษะด้านอาชีพ  จะต้องสร้างระบบ กลไก ให้เด็กในพื้นที่สูง มีทักษะด้านอาชีพที่หลากหลาย มีงานทำ เพื่อใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ ปลูกฝังความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ขยันขันแข็ง

- การจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับสภาพเฉพาะของพื้นที่  ซึ่งขณะนี้มีตัวอย่างที่ดีๆ เช่น บางโรงเรียนสอน 2-3 ระบบ เป็นการสอนเด็กตามสภาพที่แตกต่างกันอย่างมาก ด้วยวิธีการและใช้เวลาที่ต่างกัน เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า การจัดการศึกษาในพื้นที่เช่นนี้จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับทั้งประเทศ ทั่วประเทศไม่ได้ ซึ่งองค์ความรู้มีอยู่แล้วในพื้นที่ แต่ต้องพัฒนาและหาหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะการมีมาตรฐานกลาง ข้อสอบกลางแบบ O-Net ที่จะนำมาใช้ด้วยความเข้าใจและเพื่อให้รู้สภาพสถานะการจัดการศึกษา ในการที่จะพัฒนาปรับปรุงต่อไป รวมทั้งนำมาใช้เพื่อให้รางวัล ความก้าวหน้า ความสำเร็จ จะต้องให้คะแนนและน้ำหนักกับการทำงานในพื้นที่ที่มีลักษณะเช่นนี้เป็นหลัก

- การสอนภาษา  เป็นเรื่องใหญ่มากที่จะต้องนำความรู้ ประสบการณ์ทั้งหมดมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อพิจารณาหาแนวทางการสอนภาษาไทยให้ได้ผล มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า ควรจะต้องเพิ่มเวลาการเรียนการสอน มีการสอนอย่างเข้มข้น ลดชั่วโมงเรียนวิชาอื่นๆ และต้องสอนโดยผู้ที่รู้ถึงการสอนภาษาไทยสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีภาษาไทยเป็นภาษาแม่ แต่ใช้ภาษาของชนเผ่าหรือภาษาถิ่นเป็นภาษาแม่ ซึ่งจะต้องมีวิธีเรียนวิธีสอนที่แตกต่างจากการสอนเด็กที่มีภาษาไทยเป็นภาษาแม่ มีการพัฒนาทั้งสื่อการเรียนการสอน หนังสือเรียน วิธีสอน การสอนสองภาษาควบคู่กัน และการเพิ่มเวลาสอน เป็นเรื่องที่คิดอย่างเร่งด่วน เพราะหากสอนภาษาไทยไม่ได้ผล เด็กก็จะไม่มีเครื่องมือในการเรียนรู้วิชาต่างๆ และการจะประสบความสำเร็จก็จะทำได้ยาก ทั้งนี้ สำหรับการให้เด็กไปเรียนใน 2 โรงเรียน เพื่อเรียนภาษาไทยและภาษาจีนนั้น อาจต้องมีนโยบายพิเศษให้เรียนในวิชาที่ถนัด เช่น ภาษาอังกฤษอย่างเดียว หรือภาษาจีนอย่างเดียว จึงขอให้ไปช่วยคิดหาแนวทางกันต่อไป

- การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ ที่จะให้เด็กเข้าถึง Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ต เพื่อเรียนรู้จากข้อมูลข่าวสารที่มีมากมาย ทั้งที่ผ่านอินเทอร์เน็ตและไม่ใช้อินเทอร์เน็ต ต้องพัฒนาอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยในการจัดการศึกษาในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก


http://www.moe.go.th/websm/2014/mar/060.html