Love to Read

LOVE TO READ อ่านมากรู้มาก อ่านน้อยรู้น้อย ไม่อ่านไม่รู้



วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

จดหมายถึงพ่อ

 

จดหมายถึงพ่อ..ในวันครู
เมื่อ 16 มกราคม 2008
จดหมายถึงพ่อ

        กราบสวัสดีวันครู ค่ะ..พ่อ “วันครู” เวียนมาอีกปีหนึ่งแล้วค่ะ..หนูขอบคุณที่วันนี้ยังมีชีวิตอยู่ ได้ส่งจดหมายถึงพ่อ พูดคุยกับพ่อในวันสำคัญนี้ คิดถึงพ่...อมาหลายวันแล้วค่ะ หนูเปิดค้นดู CD เพลงวันครูที่หนูได้รับเป็นรางวัลในปีที่แล้ว และเปิดฟังเวลาขับรถไปทำงาน ไพเราะทุกเพลงค่ะ เพลงแม่พิมพ์ของชาติ .. พระคุณที่สาม.. ค่าควรเมือง.. เปลวเทียนที่ต้านลม.. ใครหนอใคร.. ครูผู้ให้คุณ.. ทำให้หนูคิดถึงพ่อที่สุด อยากร้องเพลงให้พ่อฟังค่ะ..พ่อไม่เคยได้ฟังหนูร้องเพลง..หนูได้แต่ฟังพ่อร้องฝ่ายเดียว พ่อขา..หนูมีวันนี้เพราะพ่อและแม่ วันนี้ที่หนูอยู่อย่างสง่างามในหนทางชีวิตการเป็นข้าราชการ พ่อเป็นครูคนแรกในชีวิตของหนู พ่อให้ “ต้นทุนชีวิต” แก่หนูมากมาย

        ภาพชีวิต ครั้งที่หนูยังมีพ่ออยู่ กระจ่างชัดอยู่ในความทรงจำของหนูอย่างไม่มีวันลบเลือนได้เลย หนูจำได้ถึงความรักความอบอุ่นที่พ่อมีให้หนู ตั้งแต่หนูจำความได้ หนูไม่เคยลืมว่าหนูมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้กอดเอวพ่อ ซ้อนท้ายจักรยานคันโก้ของพ่อไปโรงเรียนนานตั้ง ๔ ปี ตั้งแต่แขนของหนูสั้นกอดไม่รอบเอวพ่อ พ่อจะสอดแขนมาโอบหนูไว้ด้านหลังด้วยเพราะพ่อกลัวหนูจะตกรถ พ่อจะขี่รถโดยใช้มือเดียว หนูชอบเอาแก้มแนบกับหลังของพ่อ เปลี่ยนแก้มซ้ายบ้าง ขวาบ้าง พ่อจะร้องเพลงให้หนูฟังด้วย หนูชอบเพลง น้ำตาลก้นแก้ว เพลงโสนน้อยเรือนงาม และเพลงดาวน้อย ทุกเพลงพ่อร้องได้ไพเราะที่สุด “แม่..น้ำตาลก้นแก้วเขาลืมเจ้าแล้ว...จึงหยดถึง..มือพี่...” "แม่..ฮึม..โสนน้อย..เรือนงาม...ใคร ๆ เขาเฝ้าติดตาม..เพราะว่าน้องงามเหลือล้น.." ..ดาว..เอ๋ย…ดาวน้อย..เจ้าลอยสูงเด่น..” น้ำเสียงของพ่อเวลาเอื้อนช่างไพเราะจับใจหนูที่สุด

       หนูลายมืองาม เพราะพ่อสอนหนู คุณครูขันทอง บานนิกุล เป็นคุณครูภาษาไทยคนแรกที่อยู่ในดวงใจของหนู เมื่อหนูเรียนอยู่ชั้น ป.๔ ครูให้คัดโคลงสยามานุสสติ ด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดส่งครูในตอนเช้าของทุกวัน ครูบอกว่าคนที่ได้คะแนนเต็ม ๑๐ จะให้หยุดคัด กว่าหนูจะได้คะแนนเต็ม ๑๐ ใช้เวลาถึง ๑ ปีเต็มๆ กุศโลบายของคุณครูขันทองยอดเยี่ยมมาก ถ้าหนูไม่มีพ่อคอยให้กำลังใจ คอยช่วยหนู ดูแลหนู ตลอดปีหนูคงไม่ได้คะแนนเต็ม ทั้ง ๆ ที่คุณครูก็บอกว่าลายมือของหนูสวยกว่าใครในห้อง ครูจะหาจุดที่ต้องแก้ไข โน่นนิด นี่หน่อย “ทำไม ตัว ส กับ ล เขียนเหมือนกัน” “ ตัว พ ยังไม่ถูก เส้นกลางต้องลากขึ้นให้เท่ากับเส้นหน้าและหลัง ” “ตัว ช เขียนหัวยังไม่ถูก” “ ตัว ม ยังไม่สวย ผอมไปค่ะ..” “สระ โ ทำไมเขียนสั้นนิดเดียว ไม่ได้สัดส่วน ไม่สวย ” คุณครูขันทองเก่งจริงนะคะพ่อ เมื่อหนูเป็นครูหนูก็ใช้วิธีของคุณครูขันทองนี้แหละค่ะ นักเรียนของหนูลายมือสวยทุกคน เมื่อหนูเป็นศึกษานิเทศก์ หนูจะบอกคุณครูภาษาไทยที่ต้องการสอนให้นักเรียนคัดลายมืองามด้วยวิธีการของคุณครูขันทอง มีคุณครูหลายคนประสบความสำเร็จค่ะ....ทำให้หนูภูมิใจมาก และหนูก็คิดว่าวิธีการสอนแบบนี้แหละ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตาม พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ จริงๆ มีมาตั้งนานแล้ว และ การสอนแบบย้ำ ซ้ำ ทวน ทำบ่อย ๆ นี่แหละค่ะ ที่จะทำให้นักเรียนเขียนได้จริง ๆ

      พ่อสอนหนูให้เป็นคนมุ่งมั่นในการทำงาน ตั้งใจจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ อย่ายอมแพ้อะไรง่าย ๆ เวลาจะทำอะไรก็ตามให้เอา “ใจ” ใส่ลงไปด้วยจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จได้และอย่างดีด้วย พ่อจำได้ไหมคะ..พ่อให้หนูหาบน้ำใส่โอ่งและหม้อทุกใบในบ้านตั้งแต่หนูตัวเล็ก ๆ แขนหนูสั้นนิดเดียว ขนาดเหยียดจนสุดแล้วยังจับน้ำคุยังไม่ถึงเลย (“น้ำคุ” คือ “ถังน้ำ”) เพราะไม้คานยาวกว่าแขนของหนู พ่อสอนว่าเวลาเดินในการหาบน้ำ เอวต้องอ่อนไม่แข็งกระด้าง เพราะจะทำให้น้ำกระฉอกออกในเวลาเดินแต่ละก้าว พ่อสอนวิธีตักน้ำจากบ่อว่าเวลาหย่อน “น้ำถุ้ง” ลงในบ่อต้องปล่อยลงเบา ๆ และใช้เทคนิคในการตวัดเพื่อให้ปากน้ำถุ้งคว่ำลงได้ พ่อไม่ให้โยนลงไป เพราะจะต้องใช้เวลานานและหลายครั้งกว่าที่จะตวัดให้น้ำเข้าไปอยู่ในน้ำถุ้งได้ หนูท้อแท้ ปวดบ่า ปวดหลังไปหมด เพราะในแต่ละวันต้องหาบน้ำหลายเที่ยว หนูจะหยุดพักหลายครั้งกว่าจะถึงบ้าน


        พ่อบอกให้อดทน ไม่ให้ยอมแพ้ต่อความเหน็ดเหนื่อย พ่อบอกว่าหาบน้ำไม่ตายหรอก หนูยังจำคำพูดของพ่อได้ดี หนูหาบน้ำทุกวันจนโต ให้พ่อ แม่ และน้องได้ใช้อาบ ดื่มกิน และใช้สอย รวมทั้งหาบน้ำรดผักที่ทุ่งนาหลังบ้านที่พ่อแม่ปลูกไว้ขายด้วย จนกระทั่งหนูไปเป็นครู หนูยังได้ไปตักน้ำและหาบให้เพื่อนๆที่อยู่บ้านพักครูด้วยกันใช้ดื่มและอาบค่ะ..พ่อ เพราะเพื่อนๆ หนูเขาหาบไม่เป็น หนูหัวเราะท่าทางของเพื่อนหนูคนหนึ่งค่ะ..เขาพยายามจะช่วยหนู เวลาเขาเดินซ้ายที ขวาที เดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง กว่าจะถึงบ้านพักน้ำเหลือครึ่งถังเอง..เพื่อน ๆ ชมหนูว่าหนูหาบน้ำเก่งที่สุด หนูก็ยอขึ้นด้วย ยิ่งได้รับคำชมยิ่งชอบค่ะ หนูคิดว่าที่หนูตัวเตี้ยเพราะหาบน้ำนี่แหละค่ะ...แต่สิ่งที่หนูได้กลับคืนมาและฝังแน่นอยู่ในตัวเอง คือ..วิธีการทำงานอย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก..ที่พ่อเพียรสอนหนู

       เมื่อพ่อจากหนูไป..หนูยิ่งลำบากกว่าเดิม หนูต้องช่วยแม่ทำงานทุกอย่าง หนูเป็นพี่สาวคนโต แม่ต้องทำงานหลายอย่างเพื่อส่งพี่ชาย หนูและน้องเรียนหนังสือ ทั้งขายกับข้าว ปลูกผัก ทำนา หนูถูกครูทำโทษทุกวัน เพราะหนูไปโรงเรียนสาย หนูต้องหาบของไปตลาดให้แม่ หนูต้องช่วยแม่ขายของ หนูไม่เคยทันเข้าแถวเคารพธงชาติกับเพื่อนๆ หนูต้องแอบยืนอยู่ข้างถนนหน้าโรงเรียน เมื่อกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อยแล้วหนูถึงจะวิ่งเข้าโรงเรียน หน้าที่หลักของหนูคือล้างห้องน้ำ เป็นโทษที่หนูได้รับ แรก ๆ หนูก็อายค่ะ..แต่นานไปก็ชิน หนูรู้ว่าหนูทำผิดเพราะอะไร คุณครูทุกคนท่านก็เข้าใจค่ะ แต่เป็นกฎระเบียบของโรงเรียนที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม

        หนูกลายเป็นคนขยัน ขยันทำงาน ขยันเรียน เมื่อไหร่หนูก็ไม่รู้ตัว เพราะหนูต้องดิ้นรนต่อสู้ช่วยแม่ หนูทำงานทุกอย่าง หนึ่งวันมี ๒๔ ชั่วโมง หนูจำได้ว่าหนูจะได้พักต่อเมื่อเข้านอนอย่างเดียว ผลการเรียนของหนูทำให้แม่ภาคภูมิใจโดยตลอดมา พ่อขา..ผลการสอบของหนูไม่เคยได้ต่ำกว่าที่ ๓ ของห้องค่ะ หนูอยากเรียนหมอ แต่แม่ไม่ให้หนูเรียน แม่บอกว่าเงินมีไม่มาก ต้องส่งลูกเรียนถึง ๓ คน แม่บอกว่าเรียนครู “ปันได้กิ๋น” (ได้เงินเร็ว ,ได้งานเร็ว) หนูเสียใจมาก หนูไม่อยากเป็นครู แต่หนูก็เชื่อฟังแม่ค่ะ..หนูเป็นคนว่านอนสอนง่าย..และหนูก็สงสารแม่มากด้วย แม่ไม่ค่อยพูดเล่นกับหนูเหมือนพ่อค่ะ..แม่เอาแต่ทำงาน..ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน เดี๋ยวนี้แม่สบายแล้ว..แม่ได้พักชั่วนิรันดร์... แม่เป็น “ครู สอนวิชาชีวิต” ให้หนูค่ะ

         หนูเรียนครู ๔ ปี หนูจำได้เทอมแรกของการเรียนครูปี ๑ หนูได้เกรดเฉลี่ย ๓.๖๙ ชื่อของหนูได้ขึ้นบอร์ดหน้าห้องวิชาการ หนูภาคภูมิใจที่สุด หนูจำที่พ่อเคยพร่ำสอนหนู ทำอะไรต้องทำจริงจัง ทำให้ดีที่สุด พ่อบอกว่าเกิดเป็นคนทั้งทีต้องเอาดีให้ได้ เพราะคำสอนของพ่อนี่แหละค่ะ ที่ทำให้หนูเหมือนขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ หนูต้องท่องหนังสืออย่างหนัก เพื่อรักษาชื่อให้อยู่บนบอร์ดไว้ตลอดทุกเทอมใน ๔ ปี หนูจำได้เมื่อหนูเรียนปี ๓ ท่านอาจารย์พรชัย สวนปาน ที่สอนวิชาประวัติศาสตร์ เรียกหนูเข้าไปคุยด้วย ท่านถามว่า “ท่องหนังสืออย่างไรถึงจำคำพูดของครูได้ทุกคำพูด” เมื่ออยู่ปี ๔ หนูก็ได้รับคำถามเช่นเดียวกันนี้จาก อาจารย์บพิตร โกมลตรี ท่านบอกว่าทึ่งหนูค่ะ..

        เทคนิคการท่องหนังสือของหนูไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ..พ่อ หนูก็อ่านเยอะๆ อ่านหลายๆรอบ รอบแรกหนูจะอ่านแบบผ่านสายตาให้หมดก่อน รอบที่ ๒ หนูจะขีดเส้นใต้คำสำคัญไว้ รอบที่ ๓ หนูจะคัดประโยคและข้อความที่หนูขีดเส้นใต้ไว้ในสมุดบันทึก รอบที่ ๔ เป็นต้นไปหนูก็จะอ่านในสมุดที่หนูบันทึกใหม่เป็นภาษาที่หนูสรุปความเอง วิชาหนึ่งๆ หนูอ่านมากกว่า ๑๐ รอบค่ะ ..พ่อว่าหนูขยันไหมคะ.. หนูอ่านทุกวัน อ่านทุกครั้งที่มีเวลา ตลอด ๔ ปีหนูนั่งรถประจำหนูไม่เคยคุยกับใครเลยค่ะ..ขึ้นนั่งรถได้ก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ หนูมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งค่ะ..เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม นั่งรถประจำด้วยกัน ท่องหนังสือเหมือนกัน เดี๋ยวนี้เขาเป็นผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาแล้วค่ะ..ก็เราขยันเหมือนกันนี่คะ เพื่อน ๆ ทุกคนกลัวการท่องหนังสือของหนูค่ะ

        เมื่อหนูสอบบรรจุเป็นครู หนูก็สอบได้ที่ ๑ ค่ะ สอบเรียนต่อปริญญาโท หนูก็ได้ที่ ๑ ด้วย หนูรู้ตัวว่าหนูไม่ใช่คนเก่ง แต่หนูเป็นคนขยัน ขยันนี่เหมือนคนบ้าหรือเปล่าคะพ่อ หนูจะเล่าให้พ่อฟังค่ะ..ว่า..ครั้งหนึ่งหนูนอนอ่านสมุดโน้ตในตอนกลางคืนหลังจากทำงานช่วยแม่แล้ว หนูเอาตะเกียงวางไว้ข้างๆ ตัว ใช้สองมือจับสมุดไว้ แล้วหนูก็ง่วงค่ะ สมุดตกใส่ตะเกียง ไฟไหม้สมุดและไหม้ผมหนูด้วย...แม่ตกใจมากค่ะ..หนู หายง่วงเลย..จนถึงขณะนี้หนูยังเก็บสมุดเล่มนั้นไว้เลยค่ะ ..วิธีการแก้ง่วงของหนูในการท่องหนังสือมีหลายวิธีค่ะ วิธีหนึ่งคือหนูจะเอาถังใส่น้ำมาวางและเอาเท้าไปแช่ในน้ำค่ะ..เพื่อให้ตาสว่าง..พ่อว่าหนูทรหดไหมคะ..

       เทคนิควิธีการท่องหนังสือของหนู มีคนนำไปเป็นตัวอย่างเยอะแยะมากมายค่ะ.. คุณครูที่ลาศึกษาต่อหรือน้องๆ ครูอัตราจ้างที่จะสอบบรรจุครู หรือคุณครูที่สอบเรียนต่อ ต่างมายืมสมุดโน้ตย่อของหนูซึ่งมีอยู่หลายเล่มเพื่อเอาไปอ่านประสบผลสำเร็จกันหลายคนค่ะ...ล่าสุดหนูได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายในเรื่องเทคนิคการอ่านตำราในเวลาที่จำกัด สำหรับคุณครูที่จะต้องสอบเพื่อเลื่อนวิทยฐานะให้สูงขึ้น มีคุณครูหลายคนที่ใช้วิธีการของหนูได้สำเร็จต่างดีใจกันใหญ่ค่ะ..หนูภาคภูมิใจมาก ในช่วงนี้มีคุณครูนำช่อกล้วยไม้สัญลักษณ์ ของ“วันครู”มาขอบคุณหนูหลายคน มีทั้งคนที่อายุมากกว่าหนูด้วย..พ่อกับแม่ภูมิใจกับหนูไหมคะ..

      เมื่อหนูเป็นครูหนูก็ทำหน้าที่ของหนูอย่างดีที่สุด หากหนูตั้งความหวังไว้ว่าจะทำอะไร ที่เป็นประโยชน์ต่องานในหน้าที่ หนูก็ตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ และก็สำเร็จได้อย่างที่หวังไว้ค่ะ คนรอบข้างยอมรับหนูจากผลงานของหนูที่ปรากฏชัดเจน ต่อเนื่องตลอดมา หนูเปลี่ยนงานเป็นศึกษานิเทศก์เพราะหนูต้องการใช้ความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการร่วมกับคุณครูพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กและเยาวชนของชาติ โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาไทยค่ะ..พ่อ คุณครูบอกหนูว่าศึกษานิเทศก์เป็นครูของครูแต่หนูว่าไม่ใช่ เป็นเพื่อนมากกว่า เพื่อนที่แสนดี..คำนี่มีคุณครูบอกหนูค่ะ...

       ความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของหนู ที่หนูอยากบอกให้พ่อกับแม่ดีใจด้วย หนูได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ รางวัลผู้ประกอบวิชาชีพคุรุสภาดีเด่น ในปี ๒๕๕๐ ที่ผ่านมาค่ะ...หนูเป็น ๑ ใน ๙ คน จากคุณครูทั้งหมดเจ็ดแสนคนทั่วประเทศ โดยเป็นคุณครูผู้สอน ๕ คน ผู้บริหารสถานศึกษา ๒ คน ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ๑ คน และศึกษานิเทศก์ ๑ คน หนูได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ ผลงานของหนูได้รับการเผยแพร่ ในรายการ “ ครูของแผ่นดิน" ด้วยค่ะ..

        หนูมีวันนี้ได้ วันแห่งความสง่างามในชีวิต เพราะหนูเป็นลูกพ่อ เป็นลูกแม่ที่สอน “วิชาชีวิต” ให้หนู จาก..ต้นกล้าเล็ก ๆ..จนกระทั่งเป็น..ไม้ที่แข็งแรง ในวันนี้..หนูกราบพ่อกับแม่ค่ะ.. กราบสวย ๆ ด้วย..วันครูปีหน้าหนูจะเขียนจดหมายถึงพ่ออีกนะคะ..แม่ขา..หนูไม่เสียใจแล้วค่ะ..ที่หนูไม่ได้เป็นหมอ..ณ วันนี้หนูภาคภูมิใจกับการเป็น "ครูของแผ่นดิน" ที่สุดค่ะ..หนูจะทำหน้าที่ของหนูให้ดีที่สุด..หนูให้สัญญาค่ะ

ด้วยความเคารพรักและเทิดทูนพ่อกับแม่ที่สุดค่ะ

จาก..ลูก

เนื่องในวันครู ๑๖ มกราคม ๒๕๕๑ หนูขอกราบคารวะคุณครูทุกท่าน
ขอน้อมกราบคุณครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชา
ให้หนูค่ะ..ทุกท่าน ตั้งแต่หนูเรียนชั้นอนุบาล
คุณครูสงวน ครูคนที่ ๓ ในชีวิตของหนู
คุณครูขันทอง บานนิกุล
คุณครูภาษาไทยคนแรกในดวงใจของหนู  
คุณครูทุกท่านเมื่อหนูเรียน
ชั้นประถมถึงมัธยม ระดับ ป.กศ.ต้น
ป.กศ.สูง ปริญญาตรีและปริญญาโท
ทุกท่าน รวมทั้งคุณครูที่ให้ความรู้
ใน Gotoknow และคุณครูทุก ๆ ท่านค่ะ...
กราบคารวะคุณครูทุกท่านด้วยดวงใจค่ะ..
วัชราภรณ์



เป็นบันทึกใน "บันทึกชีวิตเดินทาง" เว็บไซต์ Gotoknow เมื่อ ๔ ปีที่ผ่านมา..